น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 65 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มลดลง โดยอยู่ที่ 5.27 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.88% ของสินเชื่อรวม ลดลงจากไตรมาสแรกที่มีเอ็นพีแอล 5.31 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.93% ของสินเชื่อรวม เป็นผลมาจากการช่วยเหลือลูกหนี้ บริหารจัดการและปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงการดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ส่วนหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน หรือ สเตรทสอง ทรงตัวอยู่ที่ 6.09%
สำหรับภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 65 ขยายตัว 6.3% โดยสินเชื่อธุรกิจขยายตัว 8% จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการเงินทุนของภาคเอกชน ส่วนหนึ่งเพื่อผลิตสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นรองรับต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและเพื่อการส่งออก ด้านสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีขยายตัวได้จากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเป็นสำคัญ
ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภคยังคงขยายตัวได้ 3% โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังขยายตัวตามอุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยที่เริ่มกลับมาขยายตัวได้ ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวตามความต้องการสภาพคล่องของภาคครัวเรือนในช่วงที่ค่าครองชีพปรับสูงขึ้น สำหรับสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวเร่งขึ้นจากความเชื่อมั่นของครัวเรือนที่ปรับดีขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้านสินเชื่อรถยนต์ทรงตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ชะลอตัว
ด้านกำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 65 มี 6.47 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 7.2% โดยหลักจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยกันสำรองไว้ในระดับสูงตลอดช่วงโควิด-19
ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นโดยหลักจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้เงินปันผล ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.11% จากไตรมาสก่อนที่ 0.87% ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.51% จากไตรมาสก่อนที่ 2.45%
ส่วนระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง 19.6% เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 9.09 แสนล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 166.6% และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤตอยู่ที่ 185.5%คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป ธนาคารพาณิชย์ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้และบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อเพื่อดูแลคุณภาพสินเชื่อโดยรวมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการปรับดีขึ้นจากปีก่อน โดยหลักจากการเติบโตของสินเชื่อที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง”